ทวงคืน ปตท.

ทรัพย์สินของแผ่นดิน พลังงานของชาติ ...จะปล่อยให้คนไม่กี่ตระกูล ครอบครองและกอบโกยผลประโยขน์ - ทวงคืน ปตท.. เพื่อให้เป็นสมบัติของลูกหลานคนไทยทุกคน...◕‿◕..

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

ศาลปกครอง ไม่คุ้มครอง ปชช.กรณีการขึ้นราคาก๊าซ NGV และ LPG

ศาลปกครองไม่มีคำสั่งคุ้มครองตามคำของของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค  กรณีมติขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจี ของรัฐบาล โดยเห็นว่าคำขอและเหตุผลมีน้ำหนักไม่เพียงพอ

เมื่อเวลา 21.20 น. (16 ม.ค.55) ศาลปกครอง มีคำสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราว กรณีมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ขอให้ศาลสั่งระงับการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี และเอ็นจีวี ไว้จนกกว่าศาลจะมีคำพิพากษา โดยระบุว่า ข้ออ้างของมูลนิธิคุ้มครองเพื่อผู้บริโภคและพวก ในชั้นการพิจารณาคำขอวิธีการคุ้มครองชั่วคราว ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะแสดงให้เห็นว่า มติครม. และมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นที่ศาลฯจะต้องพิจารณาในเนื้อหาต่อไป

ดังนั้นหากศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติกพช. และมติครม.ในระหว่างการพิจารณาคดีนี้ จะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวงพลังงาน และกพช. ในการกำกับและกำหนดราคาพลังงานให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการบริหาร และพัฒนาพลังงานของประเทศ อันเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะได้

ศาลฯจึงเห็นว่าคำขอทุเลาที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคร้องขอนั้นยังไม่ครบองค์ประกอบตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง2542 จึงมีคำสั่งยกคำขอที่ขอให้ศาลกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพาษาของผู้ฟ้องคดี

ด้านนางสาวสาลี อ๋องสมหวัง แกนนำมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ให้สัมภาษณ์วอยซ์ทีวีทางโทรศัพท์เพิ่มเติมว่า ศาลปกครองให้เหตุผลว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของนโยบายของรัฐบาล สามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ดี ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจะพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนที่กฏหมาย ระบุไว้ต่อไป 

ทั้งนี้ แม้จะมีคำสั่งระงับการคุ้มครองชั่วคราว แต่สำนวนการฟ้องยังอยู่ในสารระบบศาลเป็นคดีเพื่อไต่สวนฉุกเฉินต่อไป




ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ 16 มกราคม นายเทอดพงศ์ คงจันทร์ ตุลาการศาลปกครองกลาง ในฐานะตุลาการเจ้าของสำนวน ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนฉุกเฉินพิจารณาคำขอกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราว
ก่อนมีคำพิพากษาตามที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและพวกรวม 4คน ร้องขอให้สั่งระงับการขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีของรัฐบาลในวันที่ 16 ม.ค. 2555 จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 76/2555 ที่มูลนิธิยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี และพวกรวม 5 คน ขอให้เพิกถอนมติครม.ที่อนุมัติให้มีการปรับขึ้นราคาก๊าซทั้งสองประเภท
ทั้งนี้ในการไต่สวน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และนายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ฟ้องคดี ให้ถ้อยคำถึงเหตุผลที่ไม่สมควรขึ้นราคาก๊าซ เนื่องจากราคาเดิมเป็นราคาที่รวมกำไรแล้ว
ขณะที่นายเติมชัย บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ก๊าซธรรมชาติยานยนต์ บริษัท ปตท. จำกัด และนายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้รับมอบอำนาจของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 5 ให้ถ้อยคำสรุปว่า
มติการปรับขึ้นราคาก๊าซทั้งสองประเภท เป็นการดำเนินการโดยชอบตามพ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในภาคการขนส่งรัฐบาลได้อุดหนุนก๊าซทั้งสองประเภทมาโดยตลอด
จากนั้นในเวลา 21.20 น. นายเทอดพงศ์ มีคำสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราวการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวี โดยให้เหตุผลว่า ข้ออ้างของมูลนิธิคุ้มครองเพื่อผู้บริโภคและพวกในชั้นการพิจารณาคำขอวิธีการคุ้มครองชั่วคราว ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
ที่จะแสดงให้เห็นว่า มติครม.และมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นที่ศาลจะต้องพิจารณาในเนื้อหาต่อไป
ทั้งนี้ หากศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติกพช. และมติครม.ในระหว่างการพิจารณาคดีนี้ จะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของนายกฯ ครม. รมว.พลังงาน และกพช. ในการกำกับและกำหนดราคาพลังงาน ให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการบริหาร และพัฒนาพลังงานของประเทศ
อันเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะได้ ศาลจึงเห็นว่าคำขอทุเลาที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคร้องขอนั้น ยังไม่ครบองค์ประกอบตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 จึงมีคำสั่งยกคำขอที่ขอให้ศาลกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพาษาของผู้ฟ้องคดี



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น