เมื่อเวลา 21.20 น. (16 ม.ค.55) ศาลปกครอง มีคำสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราว กรณีมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ขอให้ศาลสั่งระงับการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี และเอ็นจีวี ไว้จนกกว่าศาลจะมีคำพิพากษา โดยระบุว่า ข้ออ้างของมูลนิธิคุ้มครองเพื่อผู้บริโภคและพวก ในชั้นการพิจารณาคำขอวิธีการคุ้มครองชั่วคราว ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะแสดงให้เห็นว่า มติครม. และมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นที่ศาลฯจะต้องพิจารณาในเนื้อหาต่อไป
ดังนั้นหากศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติกพช. และมติครม.ในระหว่างการพิจารณาคดีนี้ จะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวงพลังงาน และกพช. ในการกำกับและกำหนดราคาพลังงานให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการบริหาร และพัฒนาพลังงานของประเทศ อันเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะได้
ศาลฯจึงเห็นว่าคำขอทุเลาที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคร้องขอนั้นยังไม่ครบองค์ประกอบตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง2542 จึงมีคำสั่งยกคำขอที่ขอให้ศาลกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพาษาของผู้ฟ้องคดี
ด้านนางสาวสาลี อ๋องสมหวัง แกนนำมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ให้สัมภาษณ์วอยซ์ทีวีทางโทรศัพท์เพิ่มเติมว่า ศาลปกครองให้เหตุผลว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของนโยบายของรัฐบาล สามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ดี ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจะพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนที่กฏหมาย ระบุไว้ต่อไป
ทั้งนี้ แม้จะมีคำสั่งระงับการคุ้มครองชั่วคราว แต่สำนวนการฟ้องยังอยู่ในสารระบบศาลเป็นคดีเพื่อไต่สวนฉุกเฉินต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ 16 มกราคม นายเทอดพงศ์ คงจันทร์ ตุลาการศาลปกครองกลาง ในฐานะตุลาการเจ้าของสำนวน ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนฉุกเฉินพิจารณาคำขอกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราว
ก่อนมีคำพิพากษาตามที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและพวกรวม 4คน ร้องขอให้สั่งระงับการขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีของรัฐบาลในวันที่ 16 ม.ค. 2555 จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 76/2555 ที่มูลนิธิยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี และพวกรวม 5 คน ขอให้เพิกถอนมติครม.ที่อนุมัติให้มีการปรับขึ้นราคาก๊าซทั้งสองประเภท
ทั้งนี้ในการไต่สวน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และนายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ฟ้องคดี ให้ถ้อยคำถึงเหตุผลที่ไม่สมควรขึ้นราคาก๊าซ เนื่องจากราคาเดิมเป็นราคาที่รวมกำไรแล้ว
ขณะที่นายเติมชัย บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ก๊าซธรรมชาติยานยนต์ บริษัท ปตท. จำกัด และนายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้รับมอบอำนาจของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 5 ให้ถ้อยคำสรุปว่า
มติการปรับขึ้นราคาก๊าซทั้งสองประเภท เป็นการดำเนินการโดยชอบตามพ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในภาคการขนส่งรัฐบาลได้อุดหนุนก๊าซทั้งสองประเภทมาโดยตลอด
จากนั้นในเวลา 21.20 น. นายเทอดพงศ์ มีคำสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราวการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวี โดยให้เหตุผลว่า ข้ออ้างของมูลนิธิคุ้มครองเพื่อผู้บริโภคและพวกในชั้นการพิจารณาคำขอวิธีการคุ้มครองชั่วคราว ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
ที่จะแสดงให้เห็นว่า มติครม.และมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นที่ศาลจะต้องพิจารณาในเนื้อหาต่อไป
ทั้งนี้ หากศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติกพช. และมติครม.ในระหว่างการพิจารณาคดีนี้ จะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของนายกฯ ครม. รมว.พลังงาน และกพช. ในการกำกับและกำหนดราคาพลังงาน ให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการบริหาร และพัฒนาพลังงานของประเทศ
อันเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะได้ ศาลจึงเห็นว่าคำขอทุเลาที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคร้องขอนั้น ยังไม่ครบองค์ประกอบตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 จึงมีคำสั่งยกคำขอที่ขอให้ศาลกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพาษาของผู้ฟ้องคดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น