ทวงคืน ปตท.

ทรัพย์สินของแผ่นดิน พลังงานของชาติ ...จะปล่อยให้คนไม่กี่ตระกูล ครอบครองและกอบโกยผลประโยขน์ - ทวงคืน ปตท.. เพื่อให้เป็นสมบัติของลูกหลานคนไทยทุกคน...◕‿◕..

วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2556

ล่ารายชื่อเสนอแก้ “พ.ร.บ.ปิโตรเลียม”


แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 เผยประชุมคณะทำงานปฏิรูปปิโตรเลียม ชี้ต้องแก้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียมปี 2514 เร่งด่วน 16 มาตรา เพิ่มค่าภาคหลวง 80% จัดเป็นสินค้าควบคุมราคา สัมปทานต้องผ่านรัฐสภา คนไทยถือหุ้นขั้นต่ำ 50% เตรียมแสดงตนต่อประธานสภาฯ ล่ารายชื่อทั่วประเทศ ชี้เป็นเรื่องประชาชนกับนักการเมือง ปราศจากสี หากถูกปฏิเสธพร้อมปลุกประชาชนลุกขึ้นสู้

       
       วันนี้ (30 ต.ค.) เมื่อเวลา 17.20 น.ที่บ้านพระอาทิตย์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำรุ่น 2 และโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า วันนี้ พันธมิตรฯ ได้จัดการประชุมของคณะทำงานหนึ่งชุดขึ้นมาเพื่อทำการปฏิรูปเรื่องปิโตรเลียม โดยเห็นว่ามีกฎหมายหลายฉบับจำเป็นจะต้องมีการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสําหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ปี 2518 รวมไปถึงเรื่อง พ.ร.บ.ภาษีปิโตรเลียม, พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันราคาเพื่อความเป็นธรรม กฎหมายเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกันในการที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องพลังงาน
       
       อย่างไรก็ตาม ทางคณะทำงานในวันนี้ ซึ่งประกอบไปด้วยบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเกี่ยวข้องกับด้านพลังงานหลายคน เช่น นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ในฐานะทนายความของพันธมิตรฯ ตัวแทนจากสภาทนายความ รวมถึงนักวิชาการอย่าง นายประสิทธิ์ ไชยทองพันธ์, พ.ท.รัฐเขต แจ้งจำรัส, นายณรงค์ โชควัฒนา นอกจากนี้ ยังมีความเห็นเพิ่มเติมจากนักวิชาการอีก 2 คน คือ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ซึ่งติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และมีข้อคิดเห็นจาก ผศ.ประสาท มีแต้ม ทั้งหมดนี้ก็ได้มาประชุมพูดคุยกัน และเล็งเห็นว่า แม้ว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปิโตรเลียม มีหลายเรื่อง แต่เราจะเลือกเฉพาะที่ให้ประชาชนเห็นว่าจำเป็นต้องมีการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ ได้แก่ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ปี 2514
       
       “พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ปี 2514 จากความคิดเห็นทั้งหมด เราได้รวบรวมมาพบว่าเราจะมีการแก้ไขและยกเลิกมาตราทั้งหมด 16 มาตรา แล้วก็จะมีการร่างเพื่อทำการยกเลิก พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ฉบับที่ 6 พ.ศ.2550 ทั้งฉบับ นอกจากนี้ ก็จะมีการแก้ไขบัญชีแนบท้ายของ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ว่าด้วยบัญชีค่าภาคหลวง ซึ่งเราจะดำเนินการแก้ไขจากค่าภาคหลวงที่ระหว่าง 5-15% ให้เพิ่มกลายเป็น 80% ของปริมาณปิโตรเลียมที่ผลิตได้ทั้งหมด” นายปานเทพ กล่าว
       
       แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังเห็นว่ามีหลายเรื่องที่จำเป็นจะต้องแก้ไขในบรรดาที่มีการแก้ไข เช่น เราจะต้องมีการแก้ไขการดำเนินการที่ทำให้เกิดการผูกขาดอย่างไม่เป็นธรรม ทำให้ปิโตรเลียมเป็นสินค้าควบคุมราคา ที่ไม่ให้เกิดการเอากำไรเกินควรทั้งระบบ จะต้องดำเนินการทำให้บริษัทที่รับสัมปทานนั้นต้องเป็นบริษัทที่เป็นคนไทยที่ถือหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ขึ้นไป จะต้องดำเนินการความเห็นชอบจากเดิมที่เป็นอำนาจของรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี ในการให้สัมปทานนั้น ให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของรัฐสภา
       
       นายปานเทพ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน จะต้องมีการดำเนินการให้ผู้ตอบแทนเสียผลตอบแทนกับรัฐนั้น จะต้องมีบทลงโทษที่เหมาะสม เนื่องจากเราพบว่าบทลงโทษที่ผ่านมานั้นยังคงใช้กฎหมายเก่าที่มีค่าปรับเพียงแค่ประมาณหมื่นกว่าบาทเท่านั้น โทษไม่รุนแรง และพร้อมที่จะทำความผิดได้ตลอดเวลา และยังเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายที่ต้องทำให้จากเดิมการเปิดเผยข้อมูลในเรื่องของการสัมปทานเป็นความลับ จะต้องทำให้กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่ต้องเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนได้รับทราบ นอกจากนี้ ยังพบกฎหมายที่สำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 13 ซึ่งพบว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ปิโตรเลียมนั้น ได้มีการตราไว้ว่าสิ่ทธิในการถือสัมปทานไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี เท่ากับทำให้ประเทศไทยเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ซึ่งเท่ากับว่า สูญเสียอำนาจอธิปไตยทางศาล และมีสภาพเป็นเมืองขึ้นของเหล่าบริษัทปิโตรเลียม ดังนั้น ก็จะมีการยกเลิกสิ่งเหล่านี้ เพื่อเป็นองค์ประกอบในการปฏิรูปปิโตรเลียมทั้งฉบับ
       
       ทั้งนี้ หลังจากได้ข้อสรุปแล้ว จะใช้เวลาในการร่างแก้ไขทั้งฉบับอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจทานในเรื่องข้อกฎหมายจากนายสุวัตร และอาจขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความ เพื่อให้มีการแก้ไขกฎหมายอื่นๆ ที่จะต้องใช้เวลาอีกพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสําหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ปี 2518, พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ปี 2514, พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า ปี 2552 และ พ.ร.บ.ภาษีปิโตรเลียม ปี 2514 ทั้งหมด ทั้งกระบวนการแต่เราจะต้องเร่งทำให้ทันการณ์เสียก่อน ในฐานะภาคประชาชน โดยหลังจากที่เราได้ร่างเสร็จแล้วก็จะทำการแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเปิดประเด็นว่าเราจะเสนอร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ในการแก้ไขโดยภาคประชาชนในการเข้าชื่อกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วก็จะเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเข้าชื่อกันว่าเราจะแสดงตนเพื่อแสดงเจตนาว่าต้องการที่จะล่ารายชื่อประชาชน ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นรายชื่อ เพื่อแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ครั้งนี้
       
       “หลังจากนั้น เราก็จะเริ่มเดินสายให้ประชาชนทั่วประเทศได้ร่วมกิจกรรมในการเข้าชื่อกันในการแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ทั้งประเทศ และเป้าหมายของเราไม่ได้อยู่แค่ 2 หมื่นรายชื่อ แต่เราจะทำให้ถึงเวลามากที่สุดจนหมดเวลา เพื่อให้ประชาชนแสดงฉันทานุมัติในการปกป้องอธิปไตยและทรัพยากรของชาติ ให้ตกเป็นทรัพยากรที่นำผลประโยชน์สูงสุดให้กับรัฐและประชาชนถึงที่สุด จากนั้นเมื่อเราเข้าสู่กระบวนการในการล่ารายชื่อแล้ว ก็จะนำเข้าสู่กระบวนการในการเสนอต่อสภาฯ ในการพิจารณากฎหมายต่อไป และหากนักการเมืองปฏิเสธในการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ หากประชาชนเข้าร่วมมากก็ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ปราศจากสี เป็นเรื่องระหว่างประชาชนกับนักการเมือง ถ้านักการเมืองปฏิเสธ เราก็จะปลุกกระแสให้ประชาชนลุกขึ้นมาต่อสู้กับนักการเมืองทั้งหมดที่ไม่ยอมรับกับการที่เราจะปฏิรูปปิโตรเลียมเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริงต่อไป” นายปานเทพ กล่าว
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการดำเนินการครั้งนี้มีกรอบระยะเวลาหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า หลังจากเราดำเนินการที่จะร่างกฎหมายฉบับนี้ ก็คงจะเป็นภายในสัปดาห์นี้น่าจะจบ หลังจากนั้นสัปดาห์หน้าก็จะเปิดตัวแถลงข่าว หลังจากนั้น ก็จะเริ่มแสดงตนในการที่จะเรียกร้องต่อสภาผู้แทนราษฎร ให้พิจารณาว่าเราจะเป็นผู้รวบรวมรายชื่อให้ได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นรายชื่อตามกฎหมาย เพื่อเสนอร่างกฎหมายของภาคประชาชนเอง จากนั้นก็จะเริ่มรณรงค์ทั่วประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น